บทความ / จากนักศึกษาแอบทำจรวดจนหอพักระเบิด สู่สุดยอดห้องทดลองแห่งวงการอวกาศ
Sci & Tech
จากนักศึกษาแอบทำจรวดจนหอพักระเบิด สู่สุดยอดห้องทดลองแห่งวงการอวกาศ
26 ม.ค. 67
21,384
รูปภาพในบทความ จากนักศึกษาแอบทำจรวดจนหอพักระเบิด สู่สุดยอดห้องทดลองแห่งวงการอวกาศ

ช่วงประมาณปีค.ศ. 1930 นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาน่าสนใจที่วิทยาศาสตร์หลากหลายแขนงได้เบ่งบาน จากการบุคเบิกเทคโนโลยีการบินในไม่กี่ทศวรรษก่อนหน้า การค้นพบมากมายทางด้านฟิสิกส์หลากหลายแขนง ไปจนถึงอิทธิพลจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่อาจมองได้ว่ากระตุ้นให้วิทยาศาสตร์ประยุกต์ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech) ในเวลานั้นเอง มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ถูกขนานนามว่า The Rocket Boys มีความสนใจในด้านเครื่องยนต์จรวด ร่วมกันคิดค้นและสร้างเทคโนโลยีจรวดต่าง ๆ ให้หอพักของพวกเขา จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่การทดลองเกือบผิดพลาด ทำให้เชื้อเพลิงระเบิดไปไหม้หอพัก แต่ก็โชคดีที่สถาบันไม่ได้ไล่พวกเขาออก เพียงแค่ไล่ให้ไปทำการทดลองที่อื่น (ไกล ๆ) เท่านั้น ทำให้เหล่าแก๊งจรวดนี้ได้ไปปักหลักสถานที่ทดลองใหม่ที่ภูเขาซานกาเบรียล

กลุ่ม Rocket Boys: จากซ้ายไปขวา Rudolph Schott, Apollo Milton Olin Smith, Frank Malina, Ed Forman และ Jack Parsons

ในช่วงเวลาต่อมา ชื่อเรียกของพวกเขาได้กลายจาก The Rocket Boys ไปเป็น Suicide Club จากการทดลองอันบ้าบิ่นและสุดแสนอันตรายระดับไม่กลัวตายในแต่ละการทดลอง จนกระทั่งในเดือนพฤจิกายน ค.ศ. 1936 ภายหลังการทดลองครั้งก่อนหน้าที่ล้มเหลวไป โดยทำสายส่งออกซิเจนให้กับตัวเครื่องยนต์ลุกติดไฟและเหวี่ยงไปรอบ ๆ พวกเขาก็สามารถสร้างเครื่องยนต์จรวดที่สร้างเปลวเพลิงสูงกว่าครึ่งเมตรได้สำเร็จ

หลังจากนั้นเอง ธีโอดอร์ วอน คาร์แมน (Theodore von Karman) ศาสตราจารย์นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชื่อดังที่ทำงานอยู่ที่ Caltech ก็ได้ชวนกลุ่ม "Suicide Club" นี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของแล็บ Guggenheim Aeronautical Laboratory California Institute of Technology (GALCIT) ที่เขาดูแลอยู่ในขณะนั้น

ในปีค.ศ. 1939 ที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มก่อตัว GALCIT ได้ถูกว่าจ้างจากกองทัพสหรัฐฯ ให้สร้างระบบปล่อยเครื่องบินโดยใช้เจ็ทช่วย (Jet-Assisted Take-off หรือ JATO) เพื่อนำไปติดเครื่องบินรบและเครื่องบินขนส่งต่าง ๆ ของกองทัพ โดยระบบดังกล่าวก็ได้ถูกพัฒนาจนแล้วเสร็จในปีค.ศ. 1941 โครงการสำคัญที่ได้นำพา GALCIT ให้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีให้กองทัพ

การทดลอง JATO ในปี 1941 - NASA/JPL

ในปีค.ศ. 1943 วอน คาร์แมนได้ตัดสินใจตั้งบริษัทแอโรเจ็ท (Aerojet Corporation) โดยได้ดึงเหล่าบุคลากรจาก GALCIT (รวมถึงแก๊ง Suicide Club มาเป็นทีมงาน) ก่อนเปลี่ยนชื่อมาเป็นห้องปฏิบัติการไอพ่นจรวด (Jet Propulsion Laboratory หรือ JPL) ในภายหลัง

ในช่วงเวลาต่อมา JPL ได้กลายมาเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญด้านเทคโนโลยีอวกาศในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมไปถึงเป็นหนึ่งในผู้สร้างดาวเทียมดาวแรกของสหรัฐฯ อย่าง Explorer 1 ที่ถูกปล่อยสู่อวกาศในช่วงต้นปีค.ศ. 1958 และในปลายปีเดียวกันนั้นเอง รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศตั้งองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration หรือ NASA) ขึ้น และควบรวม JPL ไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

การปล่อยดาวเทียม Explorer 1 - NASA MSFC

สำรวจประวัติศาสตร์ฉบับเจาะลึกของ JPL และสืบเสาะเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นของสมาชิกผู้ก่อตั้ง JPL บางคนที่ถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ จากอิทธิพลของการเมืองและสงครามเย็น ไปกับ ปั๊บ - ชยภัทร อาชีวระงับโรค และ เติ้ล - ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน ใน Starstuff ตอนที่ 92 "เปิดประวัติ JPL ตอนที่ 1: สุดยอดห้องทดลองจากนักศึกษาที่แอบทำจรวดจนหอพักระเบิด"


ฟังรายการได้ทาง


 

แผ่นเสียง แผ่นเสียง
กำลังออกอากาศ ไม่มีการออกอากาศ แผ่นเสียง Radio แผ่นเสียง Podcast เล่นแผ่นเสียง พักแผ่นเสียง
คลิปเสียงถัดไป